สวัสดีค่ะ เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าค่ะ ทำยังไงเราถึงจะแยกเพชรแท้และเพชรเทียมได้โดยอาศัยเพียง แค่ตาเปล่าและกล้องขยาย 10 เท่า รับรองว่าไม่ได้ยากเกินไปค่ะ
ลองมาเริ่มต้นจากเทคนิคเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้ดูนะค่ะ
ขั้นตอนแรก ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการทดสอบการทะลุของแสงผ่านตัวหนังสือ วิธีการนี้เริ่มด้วยสมมติฐานที่ว่า สัดส่วนด้านข้างของเม็ดที่เราสงสัยว่าแท้หรือเทียม เมื่อเทียบจากด้านบนสุดถึงเอวช่วงกลาง และจากเอวด้านกลางมาถึงก้นเพชร อยู่ในระหว่าง หนึ่งต่อสองถึงสาม หากเม็ดที่ต้องสงสัยมีสัดส่วนด้านล่างตามนี้ เมื่อนำมาคว่ำหน้าลง แล้วรูดผ่านตัวหนังสือ ถ้าเราสามารถมองเห็นตัวหนังสือทะลุผ่านเม็ดนั้น ทำให้สามารถอ่านตัวอักษรได้ชัดเจน ก็ระบุได้เลยค่ะว่าเม็ดนั้นไม่ใช่เพชรแท้อย่างแน่นอน แต่ถ้ามองแล้วไม่เห็นตัวอักษร ให้ทำการทดสอบขั้นถัดไปนะค่ะ

ขั้นที่สอง - ทีนี้มาลองใช้กล้องกำลังขยาย 10 เท่าส่องและสังเกตเจ้าเม็ดนั้นดูอย่างละเอียดกันนะค่ะ
เริ่มพิจารณาจากตามขอบดูก่อนว่ามีรอยบิ่นหรือรอยแตกอยู่ไหม ถ้ามีให้สังเกตดูลักษณะว่าเป็นอย่างไร ถ้าลักษณะที่แตกออกเป็นมันวาวโค้ง คล้ายรอยแก้วแตก ก็บอกได้เลยค่ะว่าเม็ดนี้เป็นสิ่งเลียนแบบเพชร เพราะลักษณะรอยแตกของเพชรจะต้องเป็นชั้นคล้ายขั้นบันไดเท่านั้น

คราวนี้มาลองสังเกตที่ขอบด้านข้าง(girdle)ของเพชรดูบ้าง ถ้าดูแล้วขอบมันวาว เยื้อมคล้ายมีขี้ผึ้ง เคลือบอยู่ เม็ดนี้ไม่ใช่เพชรแล้วหล่ะค่ะ ขอบด้านข้างของเพชรแท้มีทั้งที่ขัดแล้วกับยังไม่ได้ขัด หากเพชรไม่ได้ขัดเจียร ขอบเพชรจะดูแล้วจะหยาบกว่าหน่อย แต่หากได้รับการเจียรนัยเรียบร้อยดี ขอบเพชรจะคมเฉียบ นอกจากนี้ในเพชรบางเม็ดบางครั้งอาจมีตำหนิทางธรรมชาติ ที่สามารถช่วยให้เราระบุได้ทันทีว่าเป็นเพชรธรรมชาติ เพราะมีแต่ในเพชรแท้เท่านั้น อย่างตำหนิที่มีชื่อว่า หนวดเพชร (bearding girdle) - มีลักษณะเป็นเส้นๆ อยู่บริเวณรอบขอบเพชร หรือ ตำหนิที่มีศัพท์ทางเทคนิคว่า เนทเธอเรอร์ (trigons in natural) -ตำหนิรูปสามเหลี่ยมเล็ก ในสามเหลี่ยมใหญ่ อยู่บริเวณขอบเพชร เพราะตำหนิเหล่านี้จะมีเฉพาะในเพชรเท่านั้นค่ะ


จุดสุดท้ายในการสังเกตุจากเหลี่ยมภายนอก เพื่อเป็นการยืนยันในผลสรุป ให้ลองสังเกตความคมชัดของเหลี่ยมดูบ้าง ถ้าเหลี่ยมดูแล้วกลมมน ไม่คมชัด หรือดูแล้วมีเงาเหลี่ยมซ้อน เม็ดนั้นจะไม่ใช่เพชรค่ะ เพราะเหลี่ยมของเพชรจะคมชัดและมีเพียงเส้นเดียวเท่านั้น

คราวนี้ให้สังเกตลึกลงไปอีกนิดนึง โดยดูจากลักษณะตำหนิภายใน หากดูแล้วเห็นเป็นลักษณะคล้ายฟองอากาศ (gas bubble) โดยมีรูปทรงของตำหนิกลมมน หรือมีรูกลมตรงกลาง เม็ดนั้นไม่ใช่เพชรแน่นอนค่ะ เพราะในธรรมชาติ เพชรแท้จะมีเฉพาะ ตำหนิที่มีลักษณะเป็นผลึก (crystal) โดยรูปทรงตำหนิจะมีเหลี่ยมคม หรือ อาจมีตำหนิที่มีรูปทรงออกแนวยาว คล้ายขนนก (feather) เป็นต้น
ส่วนการใช้เครื่องจี้เพชรที่เห็นได้ตามร้านทั่วไปนั้น แท้จริงแล้ว เป็นเพียงเครื่องที่ใช้ ในการตรวจสอบคุณสมบัติการไม่นำไฟฟ้าของคาร์บอน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในเพชร (เพชรมีองค์ประกอบเป็นธาตุคาร์บอนที่บริสุทธิ์ ) พูดโดยง่ายคือ เจ้าเครื่องนี้มีหน้าที่ในการบอก ให้เรารู้ว่าเม็ดที่สงสัยนั้นมีธาตุคาร์บอนอยู่หรือไม่ เพราะ สิ่งเลียนแบบเพชรอื่นๆ ในตลาดนั้นไม่มีคาร์บอนอยู่เลย จะมีก็ยกเว้นแต่พลอยสังเคราะห์โมซาไนท์เท่านั้นค่ะ
สุดท้ายอยากฝากเกร็ดเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นเทคนิคในการสังเกตุ แยกแยะระหว่างเพชร กับพลอยสังเคราะห์โมซาไนท์ นะคะ นั่นคือ พลอยสังเคราะห์โมซาไนท์ เมื่อมองจาก เหลี่ยมหน้าตัดรูปทรงว่าวลงไป ภาพทุกอย่างด้านล่างจะเป็นภาพซ้อนทั้งหมดค่ะ ในขณะที่เพชรจะเห็นแต่ภาพที่คมเฉียบ ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติทางกายภาพของเจ้าโมซาไนท์ที่เมื่อแสงวิ่ง ผ่านเข้าไป แสงจะเกิดการแบ่งตัวออกเป็นสองทิศ ภาพที่ได้จึงเห็นเหมือนภาพซ้อน
ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นเป็นจุดสังเกตุ ที่อาจต้องอาศัยความเคยชินในการมอง และหยิบจับอุปกรณ์ เริ่มสังเกตุตั้งแต่วันนี้นะคะ แต่ทุกอย่างอย่าเพิ่งด่วนสรุป โดยเฉพาะมือใหม่นะคะ ค่อยๆ เรียนรู้ วันหนึ่งคุณก็สามารถเป็นที่ปรึกษาของบรรดาเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องได้ หากมีกรณีที่ดูน่าสงสัย แล้วอยากให้แน่ใจได้ 100% จริงๆ ก็ขอแนะนำให้ไปปรึกษานักอัญมณีศาสตร์ที่รู้จักหรือไว้ใจก่อนดีก ว่า นะคะ โชคดีค่ะ